กาแฟดีแคฟคืออะไร และใครที่ชอบดื่มเจ้าสิ่งนี้?

Coffee DECAF
สำหรับบางคน การดื่มกาแฟที่ไม่มีคาเฟอีน หรือที่เรียกว่า กาแฟดีแคฟ เป็นทางเลือกที่สมบูรณ์แบบในการรับรสชาติของกาแฟโดยไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของคาเฟอีน

เพื่อนๆ เคยสงสัยกันไหมว่ากาแฟดีแคฟนั้นทำอย่างไร? แล้วทำไมบางคนถึงเลือกดื่มมัน? และวันนี้เราได้รวบรวมข้อมูลมานำเสนอแบบเข้าใจง่าย ไม่มีคำศัพท์เฉพาะเยอะแยะให้เพื่อนๆ ได้อ่านกันนะครับ..  ถ้าพร้อมแล้ว! เรามาดูกระบวนการ และเหตุผลที่ทำให้กาแฟดีแคฟเป็นที่นิยมกันเถอะ!

1. กาแฟ Decaf คืออะไร?

กาแฟดีแคฟ (Decaffeinated Coffee) คือกาแฟที่ผ่านกระบวนการ กำจัดคาเฟอีน ออกไปมากถึง 97% ขึ้นไป ไม่ได้ออกไปทั้งหมดนะครับ.. บางคนยังเข้าใจว่า DECAF Coffee นั้นเป็นกาแฟที่ “ไม่มีคาเฟอีน” เลย ซึ่งนั่นคือ “ความเชื่อที่ยังไม่ถูกต้อง” นักนะครับ

 

ซึ่งเหตุผลหลักก็คือผู้คั่วกาแฟต้องการให้ยังคงรสชาติของกาแฟไว้ แต่หลงเหลือคาเฟอีนอยู่ไม่มากนัก (ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะเหลือไว้ประมาณ 3%) ซึ่งเหมาะสำหรับคนที่ต้องการดื่มกาแฟในช่วงเย็นหรือตอนกลางคืนโดยไม่กังวลว่าจะนอนไม่หลับ หรือผู้ที่มีความไวต่อคาเฟอีน

Decaffined Coffee

2. กระบวนการกำจัดคาเฟอีน

มีวิธีหลัก ๆ ในการกำจัดคาเฟอีนจากเมล็ดกาแฟ ดังนี้

วิธีใช้ตัวทำละลายเคมี

เป็นวิธีที่ใช้สารเคมี ในการแยกคาเฟอีนออกจากเมล็ดกาแฟโดยตรง โดยใช้ตัวทำละลายเคมี ใช้สารอย่าง methylene chloride หรือ ethyl acetate ในการแช่เมล็ดกาแฟ สารเหล่านี้จะจับตัวกับคาเฟอีนและดึงออกจากเมล็ด จากนั้นตัวทำละลายจะถูกระเหยออก เหลือเพียงเมล็ดกาแฟที่ไม่มีคาเฟอีน แต่ยังคงรสชาติดั้งเดิม ซึ่งวิธีนี้เป็นวิธีที่ได้รับความนิยมในตลาดโลก เพราะว่ามันเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าวิธีอื่นๆ

วิธีใช้น้ำ (Swiss Water Process)

กระบวนการ Swiss Water เป็นวิธีการกำจัดคาเฟอีนจากกาแฟโดยไม่ใช้สารเคมี ใช้น้ำ ความร้อน และเวลาเท่านั้น เมล็ดกาแฟจะถูกแช่ในน้ำร้อนเพื่อสลายคาเฟอีน จากนั้นคาเฟอีนจะถูกกรองออก แต่ยังคงรักษารสชาติของกาแฟไว้ได้อย่างครบถ้วน หลังจากทำซ้ำกระบวนการนี้เป็นเวลาหลายชั่วโมง เมล็ดกาแฟก็จะไม่มีคาเฟอีน แต่ยังคงรสชาติดั้งเดิมของมันไว้อย่างสมบูรณ์

วิธีใช้คาร์บอนไดออกไซด์ (CO2 Process)

กระบวนการ CO2 กำจัดคาเฟอีนจากกาแฟโดยใช้คาร์บอนไดออกไซด์เหลวภายใต้แรงดันสูง CO2 จะจับตัวกับคาเฟอีนและดึงออกจากเมล็ดกาแฟ โดยไม่กระทบต่อรสชาติของเมล็ด เมื่อคาเฟอีนถูกแยกออกแล้ว เมล็ดกาแฟจะถูกทำให้แห้งและพร้อมสำหรับการคั่ว ซึ่งยังคงรักษารสชาติและกลิ่นหอมดั้งเดิมไว้ได้ วิธีนี้ได้รับความนิยมในกระบวนการผลิตกาแฟขนาดใหญ่ เนื่องจากมีประสิทธิภาพและสามารถคงรสชาติของกาแฟไว้ได้อย่างดี

3. ใครเลือกดื่มกาแฟดีแคฟ?

  • คนที่ไวต่อคาเฟอีน
    มีหลายคนที่ดื่มกาแฟแล้วมีอาการใจสั่น นอนไม่หลับ หรือปวดหัว กาแฟดีแคฟเป็นตัวเลือกที่สมบูรณ์แบบสำหรับพวกเขา เพราะได้สัมผัสรสชาติกาแฟโดยไม่มีผลกระทบของคาเฟอีน

  • ผู้ที่ตั้งครรภ์หรือมีข้อจำกัดด้านสุขภาพ
    แพทย์มักแนะนำให้คนที่ตั้งครรภ์หรือมีข้อจำกัดด้านสุขภาพดื่มกาแฟดีแคฟเพื่อลดความเสี่ยงจากการบริโภคคาเฟอีนมากเกินไป

  • คนที่ชอบดื่มกาแฟตอนเย็น
    สำหรับคนที่ต้องการดื่มกาแฟหลังอาหารเย็นหรือก่อนนอน กาแฟดีแคฟเป็นตัวเลือกที่ดี เพราะไม่ต้องกังวลว่าจะนอนไม่หลับ (จากการวิจัยพบว่า คาเฟอีนจะมีผลกับผู้ดื่มกาแฟประมาณ 5-6 ชม. นั่นจึงทำให้ผู้ที่ดื่มกาแฟตอนเย็น หรือหัวค่ำเกิดอาการนอนไม่หลับนั่นเอง)

เกร็ดความรู้เกี่ยวกับกาแฟดีแคฟ

  • แม้จะผ่านกระบวนการกำจัดคาเฟอีน แต่กาแฟดีแคฟก็ยังคงมีปริมาณคาเฟอีนเล็กน้อย โดยทั่วไปประมาณ 2-5 มิลลิกรัมต่อถ้วย เมื่อเทียบกับกาแฟปกติที่มีคาเฟอีนประมาณ 95 มิลลิกรัม

  • กาแฟดีแคฟมีมาตั้งแต่ช่วงปลายศตวรรษที่ 19 เมื่อมีการพัฒนากระบวนการกำจัดคาเฟอีนครั้งแรกในประเทศเยอรมนี

  • ปัจจุบันกาแฟดีแคฟคิดเป็นประมาณ 12% ของตลาดกาแฟโลก

กาแฟดีแคฟไม่ใช่แค่ทางเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการหลีกเลี่ยงคาเฟอีน แต่ยังเป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะทำให้คุณได้เพลิดเพลินกับรสชาติของกาแฟในทุกช่วงเวลาของวัน (All day drink)

สำหรับใครที่ชื่นชอบกลิ่นและรสชาติของกาแฟ แต่ไม่ต้องการผลกระทบของคาเฟอีน ลองดื่มกาแฟดีแคฟสักแก้วสิ.. คุณอาจจะพบทางออกใหม่ๆ ก็ได้นะ!

แหล่งอ้างอิง:

Share the Post:

Related Posts

Caffeined

คาเฟอีน..ต้องเท่าไหร่ถึงจะเรียกว่ามากเกินไป?

คาเฟอีนเป็นส่วนประกอบสำคัญของกาแฟที่หลายคนหลงรัก มันช่วยให้เรารู้สึกตื่นตัวและเพิ่มพลังงาน แต่คุณเคยสงสัยไหมว่าควรดื่มกาแฟมากเท่าไหร่ถึงจะปลอดภัย? แล้วมีผลกระทบอะไรบ้างถ้าเราดื่มเกินไป?

Read More